วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

Hello the world Hello Kitty

                    

                 ขอพักจากความเป็นผู้ใหญ่ที่เหน็ดเหนื่อย พักจากความวุ่นวายของโลกภายนอก กลับมาอยู่กับตัวเอง ออกมาพักผ่อนสมอง ณ ร้านกาแฟร้านโปรด สั่งเครื่องดื่มสักแก้ว แล้วอยู่กับสิ่งตัวเองชอบสักพัก คงจะมีความสุขไม่น้อย

                 ถึงจะโตแล้วแต่คนเราทุกคนก็ยังแฝงความเป็นเด็กอยู่เสมอ เพียงแต่เราเลือกที่จะแสดงออกมาให้ใครได้เห็นมากกว่า สำหรับตัวดิฉันเอง ความเป็นเด็กมีอยู่ในตัวตลอดเวลาค่ะ ถ้าคุณได้เห็นดิฉันหัวเราะ ร่าเริง เฮฮา เอาแต่ใจ โวยวาย นั่นแปลว่าคุณเป็นคนสำคัญของดิฉันแล้วหล่ะค่ะ สีชมพู สีขาว ลายจุด ลายทาง ดอกไม้ คัพเค้ก เจ้าหญิง ฮ่าๆ นี่แหละค่ะสิ่งที่ดิฉันโปรดปราน เวลาได้มองแล้วรู้สึกมีความสุขจริงๆ แต่ MY FAVORITE เลยคงจะต้องยกให้ แมวน้อย HELLO  KITTY ค่ะ แต่มันแปลกตรงที่ว่า ดิฉันเป็นคนเกลียดแมว เกลียดมาก มากมาก เรียกได้ว่าทั้งเกลียด ทั้งกลัว แต่ทำไมกลับมาชอบ คิตตี้ได้.....





                ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับ เจ้าแมวน้อย คิตตี้ กันก่อนดีกว่าค่ะ คิตตี้ แมวหน้าตาน่ารัก ผูกโบแดงที่หูซ้ายและไม่มีปาก เป็นการ์ตูนที่ผลิตโดยบริษัท ซานริโอ (SANRIO) ของญี่ปุ่น ผู้ออกแบบ คือ ยูโกะ ชิมิซุ เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2517 ซึ่งถือเป็นวันเกิดของคิตตี้ คิตตี้ หรือ คิตตี้จัง มีชื่อจริงว่า คิตตี้ ไวต์ (Kitty White) เป็นแมวชาวอังกฤษ อาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ หลังคาสีแดง อยู่ห่างจากกรุงลอนดอน 20 กิโลเมตร ส่วนสูงเท่ากับแอปเปิ้ล 5 ผล และหนักเท่ากับแอปเปิ้ล 3 ผล มีนิสัยร่าเริง อบอุ่นและใจดี คิตตี้ชอบสีชมพู เมนูโปรด คือ พายแอปเปิ้ล ฮอตเค้ก พุดดิ้งและของหวาน ส่วนวิชาโปรด คือ ดนตรีและภาษาอังกฤษ จึงใฝ่ฝันจะเป็นนักเปียโนหรือกวี หากนับถึงปัจจุบัน คิตตี้มีอายุ 36 ปี และมีแฟนแล้ว ชื่อ แดเนียล






       ดิฉันเชื่อว่า คิตตี้ ต้องเป็นตัวการ์ตูนที่โปรดปรานของใครหลายๆคนแน่นอนค่ะ นอกจากคิตตี้ จะเป็นการตูนที่สร้างความบันเทิงให้กับดิฉันแล้ว คิตตี้ ยังกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของดิฉันอีกด้วย ทำไมนะหรอค่ะ ? ก็เพราะว่ารอบตัวดิฉันนั้นเต็มไปด้วย หน้าเจ้าแมวน้อย   คิตตี้นี่สิค่ะ ตั้งแต่ตื่นนอนยันเข้านอน ดิฉันมักจะมี คิตตี้ ติดตัวอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ โคมไฟหัวเตียง แปรงสีฟัน รองเท้าแตะ กระเป๋าใส่เศษเหรียญ ดินสอ สมุดโน๊ต เคสโทรศัพท์ หน้าจอคอมพิวเตอร์ ชุดนอน หรือแม้กระทั่งชุดชั้นใน 555555




          เฮลโหล คิตตี้ กลายมาเป็นสัญลักษณ์ทางการค้าไปทั่วโลกซึ่งได้ค่าลิขสิทธิ์ในการผลิตสินค้าใน แต่ละปีไม่ต่ำว่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งมีตั้งแต่สิ่งละอันพันละน้อย อย่างตุ๊กตา สติ๊กเกอร์ บัตรอวยพร เสื้อผ้า เครื่องประดับ ไปจนถึงของชิ้นใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา คือ เครื่องบินแอร์บัส เฮลโล คิตตี้ รุ่น A330-200 และยังมีสวนสนุก "ฮาร์โมนีแลนด์" และสวนสนุกในร่ม "ซานริโอ ปูโร แลนด์" ด้วยซึ่งสร้างขึ้นในแนวคิดของคิตตี้และผองเพื่อน






                 ไม่น่าเชื่อใช่ไหมหล่ะค่ะว่า แค่เจ้าหน้าแมวไม่มีปาก นามคิตตี้ จะเป็นสัญลักษณ์ที่สร้างรายได้มากมายมหาศาลให้กับ ซานริโอ้  ไม่ว่าคิตตี้จะถูกตีพิมพ์บนสิ่งใด ก็มันจะมีผู้คนให้ความสนใจกันล้นหลาม มีความพยายามทุกวิถีทาง เพื่อที่จะได้มาครอบครอง ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋า ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว หูฟัง คอมพิวเตอร์ จนในปัจจุบัน ได้มีธนาคารแห่งหนึ่ง ได้นำเอา คิตตี้ มาใช้บนบัตร เอทีเอ็ม และ สนุดเงินฝาก กันเลยทีเดียว



              เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าคุณๆไม่ใช่สาวกคิตตี้ตัวจริงคงไม่อ่านกันหรอกใช่ไหมค่ะ คุณเคยหาคำตอบให้ตัวเองหรือเปล่าว่าทำไม คิตตี้ จึงกลายมาเป็น YOUR FAVORITE ??? แต่สำหรับคนที่เกลียดแมวอย่างดิฉันแล้ว สิ่งที่ทำให้คิดตี้ กลายมาเป็น MY FAVORITE นั้น ไม่ใช่เพราะลายเส้น ไม่ใช่เพราะโบว์ ไม่ใช่เพราะคิตตี้เป็นสีชมพู แต่เพราะความเป็นเด็กในตัวของ คิตตี้ นั่นเองค่ะ ดิฉันชื่นชอบความเป็นเด็ก และหลงใหลมัน เมื่อไหร่ที่ดิฉันได้อยู่ในช่วงอารมณ์นั้น มันทำให้ดิฉันรู้สึกมีความสุข ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย ปล่อยวางจากทุกสิ่งอย่าง เพื่อเดินไปตามความฝันของตัวเอง นี่คงเป็นอีกมุมหนึ่งของดิฉันที่คุณยังไม่รู้จัก และคุณคงไม่มีโอกาสได้เห็นดิฉันในมุมนี้กันบ่อยนักหรอกค่ะ

               สุดท้ายนี้ ก็อยากจะบอกกับสาวกคิตตี้หมือนดิฉัน ทุกคนว่า ซื้อสินค้า ขอให้ซื้อสินค้าที่ถูกลิขสิทธิ์ ถือเป็นการให้เกียรติกับผู้ที่เขาคิดค้น ออกแบบมากันนะค่ะ อยู่กับตัวเองมาสักพักแล้ว ถึงเวลาต้องกลับไปสู่โลกแห่งความจริงแล้วหล่ะค่ะ ขอให้มีความสุขในทุกๆวันนะค่ะ.....บาย





ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://webboard.yenta4.com/topic/432407







วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

NO MORE NO LESS

วงทนงศ์ ชัยณรงค์สิงห์

สำนักพิมพ์ : a book

 


                         

 

 

 

 

 

                               

  

 

 

 

  

                      ภายใต้รอยยิ้มที่เห็นกันอยู่ทุกวัน ใครหละจะรู้ดีว่าในใจเรายิ้มอย่างนั้นอยู่หรือเปล่า ไม่มีใครรู้ดีเท่าตัวเราหรอก.......สวัสดีค่ะคุณผู้อ่านทุกท่าน วันนี้มาแปลกค่ะ ไม่สดใสร่าเริงอย่างทุกทีที่ผ่านมา เนื่องจากว่า กำลังอยู่ในช่วงภาวะกดดันหลายๆอย่าง มันเครียดมากนะค่ะ กับการที่เราได้รับความไว้วางใจมากเกินไป ทำให้เราต้องแบกรับความรับผิดชอบอะไรๆมากมาย ทั้งที่ๆตัวดิฉันเอง ก็อายุแค่ 20 เท่านั้น ดูเพื่อนๆหลายคน ยังคงเฮฮา สนุกสนาน ร่าเริง สดใส ใช้ชีวิตวัยรุ่น มุ่งรัก แต่ตัวดิฉันเอง กลับมานั่งคร่ำเครียดกับเรื่องงาน งาน งาน และงาน....

"Life is a tragedy when seen in close-up, but a comedy in long-short." 

Charlie Chaplin 

 

 

                           ชีวิตโตมาอยู่กับการทำงานตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น โรงแรม ร้านอาหาร มินิมาร์ท เป็นนักการขาย นักธุรกิจ นักออกแบบ ช่างภาพ กราฟฟิค โรงพิมพ์ เลขา ทำบัญชี นักการตลาด เป็นออแกนไนซ์ และอีกมากมายที่เคยได้ลองสัมผัส ทำให้รู้ว่า ชีวิตผู้ใหญ่ไม่ง่ายเลย ไม่ง่ายเลยที่จะแบกรับความรับผิิดชอบอันใหญ่หลวงไว้ในมือเด็กผู้หญิงอย่างดิฉัน แต่ทำไงได้หล่ะค่ะ ถ้าสิ่งที่แบกรับไว้นั้น มันคือส่วนหนึ่งของครอบครัว ถึงแม้จะเหนื่อยและลำบากขนาดไหน ดิฉันก็ไม่มีวันทิ้งมันหรอกค่ะ







                            อุปสรรคมากมายที่ผ่านมา และที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ บางครั้งมันทำให้ท้อ เลยเลือกที่จะสร้างกำลังใจให้ตัวเองมากกว่าไปจมปรักอยู่กับมัน หนังสือเล่มนี้ต้องขอบคุณบิว ที่ให้ยืมมาอ่าน เพราะช่วงนั้น อาจจะดราม่ากับบิวไปหน่อย เปิดอ่านหนังสือเล่มนี้ ได้ข้อคิดดีดีมากมาย เป็นข้อความที่สร้างกำลังใจให้กับตัวเองอย่างดี คนที่ท้อหรือกำลังสับสน ขอให้คุณตั้งสติ ใจเย็นๆ ถ้าอึดอัดก็ระบายมันออกมา ระบายผ่านตัวหนังสือ ถ้ากลัวไม่มีใครอ่านคุณก็อ่านมันเอง อย่างน้อยตัวคุณเองจะได้รับฟังตัวคุณเอง มันจะทำให้คุณมีสติมากขึ้น หรือถ้าใครไม่อยากเขียน อยากพูด อยากร้องไห้ ก็เชิญให้คุณทำได้เต็มที่ บางคนอ้างว่าไม่มีใครฟัง ขอถามหน่อยว่าคุณจะไปสนใจทำไมว่าใครจะฟังคุณหรือไม่ ขอแค่คุณฟังตัวคุณเองก็พอ .....


" อย่าปล่อยใหใครไม่รู้มาบอกเราว่า เราทำไม่ได้ คนคนเดียวที่สมควรพูดคำคำนั้นกับเราก็คือตัวเรา "  

no more no less : วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ 

 

                       

                    ผ่านช่วงเวลาแห่งการจมปรักไปแล้ว คุณก็ แค่เริ่มต้นใหม่ ที่ดิฉันใช้คำว่าแค่ เพราะการเริ่มต้นใหม่มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คุณคิดหรอก อะไรที่คุณกลัว แปลว่าคุณยังไม่รู้จักมัน ถ้าคุณได้รู้จักมัน สัมผัสกับมันบ่อยๆ คุณจะไม่มีความกลัว ความผิดพลาดก็เช่นกันมันสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ แต่มันมักเกิดขึ้นจากความไม่ได้ตั้งใจ จากอุบัติเหตุ หรือจากอะไรก็แล้วแต่ แต่คุณต้องยอมรับมัน ยอมรับมันซะว่าเป็นความผิดที่เกิดขึ้นจากตัวคุณเอง อย่าเที่ยวไปป้ายสี ใส่ร้ายใคร เพราะคุณจะไม่มีวันมีความสุขหรอก และถ้าใครมาทำผิดกับคุณ จงให้อภัย เพราะถ้าเป็นเราเอง เราก็คงต้องการแบบนั้นเช่นกัน


"การทำให้คนอื่นเป็นทุกข์ ไม่ใช่หนทางที่จะช่วยให้ใครคลายจากความเจ็บปวด" 

 no more no less : วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ 

 

 

                             บทความจากบล็อกที่ถูกเขียนขึ้นในวันนี้ เป็นส่วนหนึ่งจากเรื่องราวชีวิตของดิฉัน (มันดูซีเรียสไปหน่อย แต่ก็เกิดขึ้นจริง) และถ้าถามว่าเกี่ยวอะไรกับหนังสือเล่มนี้ คงเป็นเพราะ หนังสือเล่มนี้แหละที่สร้างกำลังใจให้กับดิฉันเวลาเจอปัญหา มันทำให้ดิฉันมีสติ และไม่โทษคนอื่น แต่ทุกสิ่ที่เกิดขึ้นตัวดิฉันนี่แหละเป็นคนกำหนดเอง...........

everything depend on myself : C.Kaewkhal


วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ขาดเธอ เหมือนขาดใจ.....ไฟฟ้าจ๋า

หากวันหนึ่งไม่มีไฟฟ้า........คุณจะเป็นอย่างไร





        สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านทุกท่าน หลายคนพออ่านหัวข้อบล็อกแล้ว อาจเกิดความสงสัย ว่าดิฉันต้องการจะสื่ออะไร หากคุณสงสัย ก็ถือว่าดิฉันประสบความสำเร็จค่ะ 5555 งั้นเรามาไขข้อสงสัยไปพร้อมๆกันนะค่ะ



      พลังงานไฟฟ้าในปัจจุบันถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก ลองคิดดูนะค่ะว่าถ้าเราขาดพลังงานเหล่านี้ไปคุณจะใช้ชีวิตยังไง หลายคน

นึกภาพไม่ออกเลยทีเดียว วันไหนไฟดับ 10 นาที บ่นกันยังกับจะขาดใจตาย ไม่แปลกหรอกค่ะ เพราะตัวดิฉันเองก็เป็นเหมือนกับ
พวกคุณๆนั่นแหละค่ะ ไฟฟ้ากลายมาเป็นสิ่งสำคัญในการดำรงชีวิตของมนุษย์ให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้า ในโลกเทคโนโลยีคงปฏิเสธกันไม่ได้ว่าไฟฟ้าเป็นสิ่งสำคัญ ในโลกของการศึกษาเช่นกัน หลายคนอาจตั้งคำถามว่า " ครูไม่ต้องเสียบปลั๊ก ก็สอนได้ แล้วทำไมถ้าไฟดับครูจะสอน ไม่ได้หล่ะ" ดิฉันก็เห็นด้วยกับความคิดเหล่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว คงไม่ต้องอธิบายก็สามารถเข้าใจได้ว่า ไฟฟ้านั้นสำคัญฉไน เกิดอาการไฟดับปุ๊ป แอร์ไม่ติด พัดลม ไม่ทำงาน ไมค์ไม่ดัง แค่นี้ สภาพห้องเรียน ก็ไม่น่าเรียนแล้วจริงไหมค่ะ แล้วจะมีนักเรียนมานั่งทนฟัง อ. หรอค่ะ ทำการบ้านอยู่ ไฟดับ คอมพิวเตอร์ดับ แค่นี้ ก็ไม่มีการบ้านไปส่งครูแล้ว แล้วนักเรียนจะอยากไปโรงเรียนหรอค่ะ พูดกันมายืดยาวขนาดนี้แล้ว หลายคนคงนึกภาพออกมาบ้าง ทีนี้เราก็มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ว่าวันนี้ดิฉันมีอะไรมาแนะนำให้ทุกคนรู้จักกัน









              เป็นยังไงค่ะ หลังจากชมคลิปวิดีโอกันแล้ว พอจะร้อง....อ๋อ กันขึ้นมาไหมค่ะ ใช่แล้วค่ะ วันนี้ดิฉันจะมาแนะนำให้เพื่อนๆรู้จักกับ เครื่องสำรองไฟ  หรือ UPS (Uninterruptible Power Supply)  





              เจ้าเครื่องสำรองไฟนี้มีหน้าที่หลักค่อการป้องกันความเสียหายอันเกิดจากความผิดปกติของกระแสไฟฟ้า เช่น ไฟดับ,ไฟกระชาก,ไฟเกิน ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อคอมพิวเตอร์และเครื่องช้ไฟฟ้าที่ใช้งาน โดยเครื่องสำรองไฟประกอบด้วยแบตเตอร์รี่ ทำหน้าที่เก็บพลังงานสำรองไว้ใช้ ในกรณีเกิดปัญหาทางไฟฟ้า และระบบปรับแรงดันไฟฟ้าอัตโนมัติ ทำหน้าที่ปรังแรงดันไฟฟ้าให้คงที่และสม่ำเสมอ ก่อนจ่ายให้คอมพิวเตอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ


              ด้วยประโยชน์จากเครื่องสำรองไฟนี้ ทำให้เครื่องสำรองไฟกลายมาเป็น อุปกรณ์ที่สำคัญทางการศึกษาขึ้นมาทีเดียว หลายคนคงไม่ชอบแน่ ถ้าไฟดับขณะทำการบ้านสำคัญที่ต้องส่งครูในวันพรุ่งนี้ แต่อย่างไรก็ตามพลังงานไฟฟ้า มีได้ก็หมดได้นะค่ะ รู้จักใช้กันอย่างประหยัด ลองดูถ้าวันหนึ่งคุณไม่มีพลังงานไฟฟ้าคุณจะดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุขหรือไม่ ........




วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ฟังแล้วไม่จำ

เข้าหูซ้าย ทะลุหูขวา.....

                   ชีวิตคนกรุงเทพฯอย่างเราๆ ยังมีใครเปิดไอ่เจ้า วิทยุฟังกันอยู่หรือเปล่า หลายคนคงส่ายหัวกันไปมาอย่างแน่นอน ยิ่งถ้าเป็น คลื่น AM แล้ว ยิ่งน้อยลงทุกวันๆ อาจมีบ้างที่เป็นคลื่น FM เป็นรายการเพลง ฟังข่าว หรือความบันเทิงต่างๆ แต่ถ้าเป็นรายการวิทยุเพื่อการศึกษาแล้ว คนเมืองอย่างเราๆ คงงงเป็นไก่ตาแตกอย่างแน่นอน อย่าถามแต่คนอื่นเลยค่ะ ตัวดิฉันเอง ก็ยังไม่เคยเปิดฟังเลยเหมือนกัน

                    หากพูดถึง รายการวิทยุเพื่อการศึกษาในปัจจุบัน ก็ยังมีการผลิตและเผยแพร่อยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ได้รับความนิยมที่ลดลงเนื่องจาก ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น ที่นำเสนอได้ทั้ง ภาพ และเสียง จึงทำให้ผู้เรียนเรียนรู้ได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้การเรียนรู้ที่มีภาพประกอบด้วยจะสามารถกระตุ้นความสนใจของผู้เรียน ให้ผู้เรียนมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ไม่วอกแว่ก รวมทั้งภาพประกอบจะทำให้ผู้เรียนรับรู้ได้ถึงอารมณ์ ความต้องการของผู้สอน การเห็นของจริง ไม่ต้องมานั่งนึกนั่งจินตนาการเอง แต่การฟังรายการวิทยุเพื่อ- การศึกษา สามารถรับรู้ได้ถึงเสียงเพียงอย่างเดียว ผู้เรียนจะต้องจินตนาการเอาเองว่า สิ่งที่ผู้สอนกำลังต้องการบอกนั้นคืออะไร  ทั้งยังมีสิ่งเร้ารอบตัวต่างๆอีกมากมาย หากไม่เข้าใจตรงไหนก็ยกมือถามเหมือนในห้องเรียนไม่ได้ หรืออยากจะย้อนกลับมาฟังซ้ำที่เดิมก็คงจะยากลำบาก การจดจำการรับรู้ทางเสียงเพียงอย่างเดียวนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เคยได้ยินมั้ยค่ะ ที่โบราณกล่าวว่า "เข้าหูซ้าย ทะลุหูขวา"     นี่แหละค่ะ ข้อเสียของการฟังวิทยุ เราได้ฟังแต่เสียงเพียงอย่างเดียว หากไร้ซึ่งสมาธิและใจจดจ่อ อีกไม่กี่นาทีเราก็ลืม ทำให้วิทยุการศึกษานั้นเหมาะสำหรับบางบทเรียน บางกลุ่มคนเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเป็นคนกรุงเทพมีอินเทอร์เน็ตใช้ อยากหาความรู้เพิ่มเติมเรื่อง การใช้แท็ปเลต เขาสามารถเข้า youtube หาวิดีโอการเรื่องที่เกี่ยวข้องกับแท็ปเล็ตได้เลย ทั้งยังมีภาพและเสียงที่น่าสนใจ หรือ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติม จาก Search engine ต่างๆและเข้าเว็บไซต์ เพื่อศึกษาเรื่องที่เข้าต้องการได้ แต่สำหรับเด็กในต่างจังหวัดแล้ว รายการวิทยุยังเป็นสิ่งที่เขาต้องการ ยังเป็นสิ่งที่เขาสามารถรับความรู้ได้ จากตัวเลือกที่น้อยนิดของเขา รายการวิทยุเพื่อการศึกษาอาจกลับกลายเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขา ในการหาความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างแท็ปเล็ตก็เป็นได้


                                        


                 เทคโนโลยีที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การศึกษาก็มีการพัฒนาอย่างเนื่องควบคู่ไปกับเทคโนโลยีเช่นกัน การที่รายการวิทยุเพื่อการศึกษาถูกมองว่าเป็นเทคโนโลยีการเรียนการสอนที่ไม่ทันสมัย ไม่เหมาะกับยุคปัจจุบัน แต่เราก็ยังขาดมันไปไม่ได้ เนื่อจากบางพื้นที่ที่ห่างไกล ยังคงต้องการการศึกษาอย่างทั่วถึง รายการวิทยุเพื่อการศึกษาอาจเป็นทางเลือกสำหรับพวกเขา เนื่องจากการผลิตรายการวิทยุเพื่อการศึกษานั้น มีต้นทุนไม่สูงมาก และวิทยุก็ยังเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีมานานแล้ว (คิดว่าทุกบ้านน่าจะมี และบ้านตามต่างจังหวัดเช่นกัน) เพราะฉนั้นรายการวิทยุเพื่อการศึกษายังคงต้องมีการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยมีการพัฒนาให้เหมาะสม 

 

เราจะมาดูตัวอย่างสถาณีวิทยุเพื่อการศึกษา.........วิทยุศึกษา

                  สถานีวิทยุศึกษาปัจจุบันก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งมีภารกิจสำคัญในการส่งเสริมให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตแก่ ประชาชน เพื่อสร้างศักยภาพและความสามารถในการแข่งขัน ปรับตัว รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีสมัยใหม่ รวมทั้งมีค่านิยมและพฤติกรรมที่เหมาะสม และอนุรักษ์สืบทอดประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงาม จึงเน้นการพัฒนาคุณภาพรายการและการออกอากาศ โดยเฉพาะการขยายช่องทางการรับฟัง ทั้งการรับฟังผ่านดาวเทียม และระบบออนไลน์ เพื่อให้ผู้ฟังสามารถเลือกรับฟังรายการได้ตามความต้องการและในเวลาที่สะดวก ปัจจุบันสถานีวิทยุศึกษานอกจากกระจายเสียงด้วยระบบ FM ความถี่ 92 MHz และระบบ AM ความถี่ 1161 KHz แล้ว ยังสามารถรับฟังผ่านดาวเทียมได้ทาง ช่อง R 30 และทางอินเทอร์เน็ตที่ www.moeradiothai.net ซึ่งผู้ฟังสามารถรับฟังได้ทั้งรายการสด (Live Radio) และเลือกรับฟังรายการตามความต้องการ (Radio on Demand)
                 การดำเนินงานของสถานีวิทยุศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ มีการวางแผน บริหารจัดการอย่างเป็นระบบและมีมาตรฐาน จัดทำฐานข้อมูลผู้ฟัง ประชาสัมพันธ์รายการและสถานี ดำเนินการสำรวจ ติดตามประเมินผลการรับฟัง เพื่อนำข้อมูลวิชาการมาเป็นแนวทางในการปรับปรุงและพัฒนางานให้มีประสิทธิภาพ การจัดรายการส่งเสริมและสนับสนุนการปฏิรูปการศึกษา เพื่อสร้างความเข้าใจและประชาสัมพันธ์การปฏิรูปการศึกษาแก่ประชาชน การพัฒนาคนและสังคมที่มีคุณภาพ  การเสริมสร้างสุขภาวะของประชาชน รายการที่จัดออกอากาศ  เช่น รอบรั้วเสมา เพื่อนยามเย็น คลินิกรักษ์สุขภาพ ชีวิตธรรมชาติ พูดจา ภาษาไทย วิถีไอที เป็นต้น
 

                  นอกจากสถานีวิทยุศึกษาแล้วยังมีอีกหลายสถานีที่ผลิตรายการวิทยุเพื่อการศึกษา ตัวอย่างเช่น สถานีวิทยุกระจายเสียงเพื่อการศึกษา จ.แม่ฮ่องสอน สถานีวิทยุกระจายเสียงเพ่อการศึกษา จ.จันทบุรี  วิทยุเพื่อการศึกษาและพัฒนาอาชีพ  สถานีวิทยุเพื่อการศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎนครสวรรค์  รวมไปถึงวิทยุชุมชนด้วย จะเห็นได้ว่า การจัดทำรายการวิทยุเพื่อการศึกษาก็ยังคงเป้าหมายและวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้ ไม่ต่างกับการเรียนการสอนในรูปแบบอื่นๆ  ทั้งยังมีการพัฒนาการรับฟังให้ได้หลากหลายขึ้น นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ แต่ยังคงรูปแบบเดิมๆไว้ เพราะคงต้องยอมรับว่า ประเทศของเรา ในเมืองหลวงทุกคนสามารถเสพเทคโนโลยีได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด มีแค่นี้จะเอาแค่นั้น มีไอ่นั่นจะเอาไอ่นี่ หากแต่คนที่อยู่ในชนบทนั้น แค่มีเพียงไฟฟ้า เขาก็ดีใจจนไม่อยากร้องขออะไรอีกแล้ว......


ที่มา : 
http://www.moeradiothai.net/aboutus5.php?webid=1&link=1
http://www.prd.go.th/main.php?filename=EducationRadio

วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

การเรียนรู้ควบคู่กับเทคโนโลยี

อย่าปล่อยให้เทคโนโลยีเป็นเพียงเครื่องมือสร้างความบันเทิง 

             หากกล่าวถึงเทคโนโลยีในปัจจุบันแล้ว มีความเจริฐก้าวหน้ากันจนตัวดิฉันเองตามแทบไม่ทันแต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธการติดตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยีได้อย่างแน่นอน เทคโนโลยีกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนในปัจจุบันไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน การพักผ่อน การท่องเที่ยว การสื่อสาร การรักษาพยาบาล รวมไปถึงการศึกษา เทคโนโลยีล้วนกลายมาเป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวก ในแวดวงการศึกษานั้น มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำเทคโนโลยีมาเป็นตัวกลางในการรวบรวม จัดเก็บ สื่อการเรียนการสอน ทั้งยังพัฒนาสื่อการเรียนการสอนให้มีความทันสมัยมากขึ้น สะดวกต่อการใช้งาน


ศุนย์สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
               
                ปรัชญนันท์ นิลสุข ( 2541 ) ได้สรุปและให้ความหมายของศูนย์สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา จากการประมวลแนวคิดที่นักการศึกษาหลายท่านได้กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า ศูนย์สื่อเทคโนโลยี การศึกษา เป็นองค์การที่ทากิจกรรมประกอบด้วยผู้นำ คณะทำงานและสถานที่เก็บอุปกรณ์ หนึ่งใน ส่วนน้ีมพื้นที่ในการผลิต จัดหา การนำเสนอวัสดุการสอน การจัดหาเพื่อพัฒนาและวางแผนให้บริการ ซึ่งสัมพันธ์กับหลักสูตรการเรียนการสอน ปรัชญาพื้นฐานของการจัดองค์การและการจัดการของศูนย์ สื่อเทคโนโลยีการศึกษาคือ ประสิทธิผลและประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อการเรียนรู้ สามารถควบคุม ประสิทธิภาพให้เหมาะสมโดยคานึงถึงค่าใช้จ่าย การให้บริการ การให้คำปรึกษาอย่างมืออาชีพและ กระบวนการที่ได้มาตรฐาน เป็นองค์การที่เป็นศูนย์กลางการจัดระบบควบคุมทั้งหมดเพื่อการเรียนรู้ 

                  


ความสำคัญของศูนย์บริการสื่อและเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษาในระดับอุดมศึกษา

1.   เป็นแหล่งค้นคว้า หาความรู้ สำหรับนิสิต นักศึกษา ครูอาจารย์และบุคคลทั่วไป


2.   เป็นแหล่งที่ผลิตและเผยแพร่สื่อการสอนในรูปแบบต่างๆ เช่น การผลิตรายการวิทยุโทรทัศน์

การผลิตวิดีทัศน์เพื่อการศึกษา การผลิตสื่อการสอนในรายวิชาต่างๆ การผลิตสื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน

3.    เป็นแหล่งที่ให้บริการยืมและสนับสนุนสื่อการเรียนการสอนในรูปแบบต่างๆ มีการติดตั้งระบบเครือข่าย มีการเชื่อมโยงระหว่างศูนย์บริการสื่อฯ


4. เป็นแหล่งเก็บรักษา บำรุง และซ่อมแซมสื่อทุกชนิด ให้มีสภาพพร้อมใช้งาน

5.   
เป็นแหล่งจัดเตรียม จัดหาข้อมูลสารสนเทศ แก่ผู้ใช้บริการเป็นประจำ ให้ทราบถึงวัสดุอุปกรณ์ สิ่ง อำนวยความสะดวก เช่น ประกาศ สาธิต จัดนิทรรศการ เสนอข่าว จัดประชุมปฏิบัติการ ออกวารสาร ฯลฯ

6. สามารถเป็นสถานที่พักผ่อนของบุคคลผู้มาใช้บริการ สถานที่ไม่อึดอัดคับแขบ มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม

7.ให้ข้อเสนอแนะ หรือคำแนะนำแก่บุคคลผู้สนใจเกี่ยวกับสื่อและเทคโนโลยี ทั้งการเลือกใช้ การผลิต การรวมไปถึงการบำรุงรักษาสื่อต่างๆที่ให้ใช้บริการ

8.มีการประเมินผล ความพึงพอใจของบุคคลที่มาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง เืพ่อนำมาปรับปรุงศูนย์ให้มีความก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไป



              หากจะปล่อยเวลาให้หมดไปกับการเที่ยว ดูหนัง ฟังเพลง ซะมากกว่า ก็คงจะไม่ได้สาระประโยชน์เท่าไหร่นัก ลองมาเปลี่ยนความคิดตัวเอง เปลี่ยนแปลงตัวเอง หันมาศึกษาหาความรู้ ที่ศูนย์สื่อและเทคโนโลยี บ้างก็คงจะดีไม่น้อย ศูนย์เหล่านี้ ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คุณคิด ........



สำนักหอสมุดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

             ห้องสมุดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก่อตั้งขึ้นพร้อมกับการก่อตั้งมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์ และการเมือง ในปี พ.ศ. 2477 มีฐานะเป็นแผนกตำราและห้องสมุด สังกัดฝ่ายธุรการ ต่อมาปี พ.ศ. 2501 ย้ายไปสังกัดกองบริการการศึกษาใช้ชื่อว่าแผนกห้องสมุด และยกฐานะเป็นกองห้องสมุด สังกัดสำนักงานเลขาธิการ ในปี พ.ศ. 2504 ปี พ.ศ.2519 ปรับเปลี่ยนฐานะเป็นสำนักหอสมุด นับเป็นสำนักหอสมุดแห่งแรกของ ประเทศไทยโดยโอนห้องสมุดกลาง ห้องสมุดคณะทั้งหมดมาสังกัดสำนักหอสมุด และบริหารงานในระบบศูนย์รวม โดยส่วนกลางรับผิดชอบงานด้านเทคนิค 

วิสัยทัศน์

              องค์กรแห่งความเป็นเลิศด้านบริการและส่งเสริมการเรียนรู้  บริหารโปร่งใส ทันสมัยด้วยเทคโนโลยีและสารสนเทศ

พันธกิจ

1. ส่งเสริมการเรียนการสอน การวิจัยของมหาวิทยาลัย2. บริการด้วยสารสนเทศที่หลากหลายด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย
3. สนับสนุนและบริการทางวิชาการแก่สังคมตามอุดมการณ์ของมหาวิทยาลัย
4. บริหารทรัพยากรโปร่งใส และมีประสิทธิภาพ


ห้องสมุดสาขาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

1หอสมุดปรีดี พนมยงค์
2ห้องสมุดสัญญา ธรรมศักดิ์ (คณะนิติศาสตร์)
3ห้องสมุด ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย (คณะพาณิชย์ฯ)
4

หอสมุดป๋วย อึ๊งภากรณ์
5ห้องสมุด ศาสตราจารย์ดิเรก ชัยนาม (คณะรัฐศาสตร์)
6ห้องสมุดคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน
7หอสมุดป๋วย อึ๊งภากรณ์
8ห้องสมุดศูนย์รังสิต
9ห้องสมุดนงเยาว์ ชัยเสรี (อาคารปิยชาติ)
10ห้องสมุดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์พัทยา
11ห้องสมุดบุญชู ตรีทอง (ศูนย์ลำปาง)






          ห้องสมุดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บริหารงานแบบศูนย์รวม เนื่องจากมีศูนย์ให้บริการหลายที่ เพราะมหาวิทยาลัยมีหลายวิทยาเขต และแต่ละวิทยาเขตก็มีห้องสมุดหลายแห่ง แต่ทุกแห่งจะมีระบบเดียวกันและถูกรวบรวมไว้ที่ศูนย์กลาง ห้องสมุดมีเทคนโลยีที่ทันสมัยไม่ว่าจะไปใช้บริการที่ศูนย์ไหนก้จะสามารถค้นหาสื่อต่างๆได้ โดยระบบจะปรากฏสื่อที่เราต้องการขึ้นมา  ทั้งห้องสมุดทุกแห่งของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เปิดให้บริการแก่บุคคลภายนอกเพื่อใช้ศึกษาหาความรู้ ทั้งยังเป็นแหล่งผลิตสื่อในรูปแบบต่างๆเพื่อให้บริการแก่นักศึกษา หรืออาจารย์ภายในมหาวิทยาลัย มีสื่อที่ให้บริการทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิค และสื่อสารสนเทศ (วัสดุย่อส่วน) 

เว็บไซต์ของห้องสมุดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์